เมื่อลมหนาวพัดมา ความคิดถึงก็เดินทางมาเคาะประตูหัวใจด้วยพร้อมๆ กัน (ฮิ้วววววว...ทั้งชื่อ ทั้งโปรยประหนึ่งว่าจะเขียนเรื่องรักหวานแหวว)
วันนี้เมื่อปีที่แล้ววฉันเป็นพนักงานของบริษัทค้าหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง
จำได้ว่าต้องตื่นแต่เช้าขับรถทางไกลจากที่พักไปที่ทำงาน ดีว่าไม่ต้องฝ่ารถติดแบบคนเมืองเต็มขั้นเพราะทั้ง 2 ที่ต่างก็อยู่ชาญเมืองเหมือนกันเพียงแต่ว่าต้องขับรถอ้อมไปเพราะมันเป็นคนละฝั่งของเมือง
ถึงที่ทำงาน ฉันหยิบหนังสือพิมพ์ธุรกิจและรายงานสถานการณ์ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศต่างๆ มาอ่านความเคลื่อนไหวของตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าและคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ รวมทั้งบทวิเคราะห์บริษัทต่างๆ ฉันไม่เบื่อหรอกเพราะทุกวันก็มักมีเรื่องน่าสนใจใหม่ๆ เสมอ
เสียงโทรศัพท์และความวุ่นวายระหว่างช่วงเวลาทำการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นเรื่องสนุกสนานสำหรับฉันบางครั้งฉันก็ถือสายคุยคาบเกี่ยวคราวเดียวกับลูกค้า 2 - 3 คน ลูกค้ามากหน้าก็มากนิสัย บางคนเป็นเหมือนเพื่อน บางคนเป็นเหมือนพี่สาว บางคนก็เหมือนคุณครู ในขณะที่อีกบางคนก็เป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่น่าเกลียดน่ากลัวอยู่ไม่น้อย
ฉันจะมีสมุดและปากกาวางอยู่ตรงหน้าเสมอ มันไม่ได้เอาไว้จดข้อมูลสำคัญ หรือ สาระอะไรที่เกี่ยวกับหุ้น แต่เมื่อมีเวลาว่างฉันมักจะใช้มันเป็นสมุดวาดรูป หรือ เขียนอะไรเล่น
เพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงานมักแซวเวลาเห็นฉันทำท่าขยุกขยิกอยู่กับหนังสือเล่มนั้น ว่าเมื่อไหร่จะออกหนังสือสักที ฉันได้แต่ยิ้ม...เขาคงไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาแซวเป็นความฝันของฉันมาเนิ่นนาน ความฝันที่ก่อตัวชัดขึ้นในห้องเรียนวิชากฎหมาย เปล่านะฉันไม่ได้อยากเป็นทนายความแต่อย่างใด แต่ที่ห้องเรียนวิชากฎหมายภายใต้ท่าทางตั้งใจ ฉันและเพื่อนร่วมขบวนการเรากำลังยังส่งกระดาษเขียนกลอนหากันไปมา หมดคาบเรียนเราได้หนังสือทำมือมา 1 เล่ม นั่นล่ะ ฝันของฉัน ^^
ลมหนาวพัดมาเหมือนเดิม ฉันยังตื่นแต่เช้าหากภารกิจชีวิตเปลี่ยนไป ฉันไม่ต้องขับรถทางไกลเพื่อไปนั่งอ่านข่าวธุรกิจ หรือโทรศัพท์หาลูกค้าวันละเป็นร้อยครั้ง ไม่ต้องหาวิธีหลีกเลี่ยงคารมคนชวนไปกินข้าว ไม่ต้องเครียดกับตัวเลขกำไร-ขาดทุนของหุ้นในพอร์ตคนอื่น
วันนี้ฉันตื่นเช้า เตรียมอาบน้ำแต่งตัวให้หลาน ขับรถทางใกล้ไปส่งหลานที่โรงเรียน แล้วกลับมาช่วยงานที่บ้าน ถึงเวลาก็ไปรับหลาน กิน เล่น ทะเลาะกัน เตรียมตัวเข้านอน ฉันชอบเวลาส่งหลานเข้านอน ฉันมักอ่านหนังสือนิทาน หลานๆ มักมีคำถามน่ารักๆ อย่างเช่น
"ทำไมหมูมันต้องสร้างบ้านด้วยฟาง ทำไมไม่สร้างบ้านแบบเรา"
"เอ่อ...ก็มันหาได้แต่ฟางนี่คะ แล้วมันก็เป็นหมูขี้เกัยจ สร้างบ้านด้วยฟางเสร็จเร็ว มันก็เลยได้นอนพักก่อนใคร" ฉันเอาตัวรอดไปอย่างหวุดหวิด
แม้บางครั้งหลานจะดื้อ พูดไม่ฟังแต่เด็กๆ ก็มักจะมีคำพูด หรือรอยยิ้มที่ทำให้ฉันขำออกมาทั้งยังโกรธ
โดยรวมแล้วชีวิตฉันช้าลง แต่ฉันมีความสุขมากขึ้น ฉันมีเวลามากขึ้น (อย่างน้อยก็ได้เวลามาจากการไม่ต้องขับรถไกลตั้ง 2 ชั่วโมง) เวลาที่มากขึ้นและชีวิตที่ช้าลงทำให้ฉันหยิบความฝันมาปัดฝุ่นอีกครั้ง
จากวันนั้นเพื่อนร่วมฝันต่างแยกย้ายกันไปตามทาง แต่ในความคิดถึงของลมหนาวฉันเชื่อว่าความอบอุ่นของความฝันจะทำให้เราไม่ลืมกัน
ปล.ฉันคิดถึง แก แก และแก เพื่อนร่วมแก๊งค์เกรดเอ ของอาจารย์ฟ้าและคนไกลที่หนีไปอยู่ดอย อุ้ม ออม นุ่น
ปล. 2 เพื่อนร่วมฝันที่สม่ำเสมอในความห่าง "นุ้ย" ขอบคุณที่มีแกในทุกเวลาของชีวิตฉัน
แก....ฉันรักและคิดถึงแกเสมอนะแม้บางทีจะไม่แสดงออก จุ๊บๆ เพราะฉันก็สม่ำเสมอในการหายหัวไป ^^
ปล. 3 ขอบคุณต๊อง เบนซ์ ฝ้าย และแม่หมูดวงใจ ที่ทำให้ช่วงเวลาที่หาดทราย ชายเล เฮฮา อย่างน่าประหลาด
ปล.อีกที สำหรับ "เธอ" ที่แม้ไม่ได้มีฝันเดียวกันแต่ก็เกื้อกูลกันมาเสมอ เราต่างผลัดกันรับและให้ ขอโทษที่ฉันอาจให้เธอน้อยเหลือเกินขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ "เธอ" ให้มา ทุกช่วงเวลาฉันผ่านมาได้เพราะ "เธอ" จริงๆ
วันจันทร์, มกราคม 07, 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น